วันนี้จะมาเล่า : เส้นทางแห่งการเป็นเม่าน้อย 3 เดือนในตลาดหุ้น กับการเริ่มต้นด้วยทุนอันน้อยนิด
🚩 จุดเริ่มต้น : วันที่ 30/3/2021 เปิดพอร์ตครั้งแรกด้วยเงิน 1,500 บาท ..ค่ะ อ่านไม่ผิด เริ่มที่หลักพัน แล้วหลังจากนั้นก็เต็มพอร์ตทีละนิดทีล่ะหน่อย จุดมุ่งหมายคือ “เพื่อศึกษาการเล่นหุ้น” ส่วนจะกำไรหรือขาดทุนถือเป็นผลของการศึกษา ที่จ่ายค่าคอร์สไป 7,200 เฉลี่ยก็เดือนละ 2,400
ระยะเวลา 3 เดือนในโลกของการลงทุนถือว่าการลงทุนที่สั้นมากๆ ในพอร์ตนี้ก็มีทั้งซื้อเข้าขายออก ขาดทุนบ้างกำไรบ้าง หักลบคอมมิชชั่นการซื้อขายกันไป แรกๆก็ซื้อตามเขา (ซึ่งแน่นอนว่าขาดทุน เพราะกว่าจะซื้อทันก็ดอยแล้วจ้า) พอเริ่มจับทางได้แล้ว ก็วิเคราะห์แล้วซื้อเอง วางเปอร์เซ็นต์ที่รับได้ในใจว่าเมื่อไหร่จะคัดขาย เมื่อไหร่จะคัดทิ้ง
วันนี้ (24/6/64) เทขายหมดพอร์ตพอดี ก็เลยถือโอกาสมาดูผลการศึกษาที่เลือกจะเรียนแบบลงสนามจริง ก็เลยเอาผลมาแชร์กัน
ถามว่าทำไมต้องเทขาย ? ก็ถ้าไม่ขายมันก็จะเป็นได้แค่ “กำไรทิพย์” น่ะสิ เป็นแค่ตัวเลขเขียวๆที่ดูแล้วสบายตาแต่ไม่ใช่เงินจริงยังไงล่ะ ส่วนถ้าใครแดง ก็ถือว่าเป็นขาดทุนทิพย์เหมือนกันตราบใดที่ยังไม่ขาย แต่การตัดสินใจว่าจะถือไว้รอเขียว หรือตัดใจขาย ก็ต้องขึ้นอยู่กับทิศทางตลาด ระยะเวลาที่อาจจะเสียโอกาสไปลงทุนกับตัวอื่น เขาเลยมีทฤษฎี Cut loss กัน แต่เชื่อเถอะว่าจุดที่รับได้ของแต่ละคนไม่เท่ากัน ทฤษฎีใดๆก็เป็นได้แค่ทฤษฎี ทำได้แค่ศึกษาไว้แล้วนำมาปรับใช้ของใครของมัน
ส่วนเม่าน้อยอย่างเราซื้อและขายโดยใช้เกณฑ์เลือกตัวที่ชอบและมองว่ามันมีอนาคต ตีกราฟดูกราฟยังไม่เป็น ใช้วิธีติดตามข่าวสารบ้านเมือง ข่าวสารโลก ทิศทางการจะไปต่อของหุ้นที่น่าสนใจ ผลลัพธ์ที่ออกมาค่อนข้างน่าพอใจนะ ถึงเป้าพอร์ตจะยังไม่ทะลุหมื่นก็ตาม
ระยะเวลา 3 เดือนในโลกของการลงทุนถือว่าการลงทุนที่สั้นมากๆ ในพอร์ตนี้ก็มีทั้งซื้อเข้าขายออก ขาดทุนบ้างกำไรบ้าง หักลบคอมมิชชั่นการซื้อขายกันไป แรกๆก็ซื้อตามเขา (ซึ่งแน่นอนว่าขาดทุน เพราะกว่าจะซื้อทันก็ดอยแล้วจ้า) พอเริ่มจับทางได้แล้ว ก็วิเคราะห์แล้วซื้อเอง วางเปอร์เซ็นต์ที่รับได้ในใจว่าเมื่อไหร่จะคัดขาย เมื่อไหร่จะคัดทิ้ง
วันนี้ (24/6/64) เทขายหมดพอร์ตพอดี ก็เลยถือโอกาสมาดูผลการศึกษาที่เลือกจะเรียนแบบลงสนามจริง ก็เลยเอาผลมาแชร์กัน
ถามว่าทำไมต้องเทขาย ? ก็ถ้าไม่ขายมันก็จะเป็นได้แค่ “กำไรทิพย์” น่ะสิ เป็นแค่ตัวเลขเขียวๆที่ดูแล้วสบายตาแต่ไม่ใช่เงินจริงยังไงล่ะ ส่วนถ้าใครแดง ก็ถือว่าเป็นขาดทุนทิพย์เหมือนกันตราบใดที่ยังไม่ขาย แต่การตัดสินใจว่าจะถือไว้รอเขียว หรือตัดใจขาย ก็ต้องขึ้นอยู่กับทิศทางตลาด ระยะเวลาที่อาจจะเสียโอกาสไปลงทุนกับตัวอื่น เขาเลยมีทฤษฎี Cut loss กัน แต่เชื่อเถอะว่าจุดที่รับได้ของแต่ละคนไม่เท่ากัน ทฤษฎีใดๆก็เป็นได้แค่ทฤษฎี ทำได้แค่ศึกษาไว้แล้วนำมาปรับใช้ของใครของมัน
ส่วนเม่าน้อยอย่างเราซื้อและขายโดยใช้เกณฑ์เลือกตัวที่ชอบและมองว่ามันมีอนาคต ตีกราฟดูกราฟยังไม่เป็น ใช้วิธีติดตามข่าวสารบ้านเมือง ข่าวสารโลก ทิศทางการจะไปต่อของหุ้นที่น่าสนใจ ผลลัพธ์ที่ออกมาค่อนข้างน่าพอใจนะ ถึงเป้าพอร์ตจะยังไม่ทะลุหมื่นก็ตาม
ลงทุน = 7,200฿
ผลลัพธ์ = 9,765฿ (หักค่าธรรมเนียมขายแล้ว)
กำไรสุทธิ = 2,565฿
คิดเป็นเปอร์เซ็นต์จากต้นทุนก็ราวๆ +35.63%
ไม่นับหุ้น OR ที่ซื้อเป็นใบหุ้นไว้ ไม่ได้เอามาใส่พอร์ต กำไร 68% ของมัน (หรือประมาณ 3.6k) ก็ถือว่าเป็นกำไรทิพย์ ตราบใดที่ยังไม่ขาย บทเรียนต่อไปคือตั้งใจจะศึกษาเรื่องกราฟ คงต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่ ไว้ถ้าเข้าใจแล้วจะมาเล่าให้ฟังนะ
ส่วนใครที่อยากลองแต่กล้าๆกลัวๆ ถ้ามีเวลาเดี๋ยวเราอาจจะมาสอนลงตลาดหุ้นแบบ ใช้เงิน simulator (click2win) เงินจำลอง แต่อ้างอิงผลตามตลาดหุ้นจริง เผื่อจะได้ลองลงสนาม วิเคราะห์ตลาดก่อนเอาเงินตัวเองไปลงจริง
#เก้าคูณสิบสองxเล่าไปเรื่อย
0 ความคิดเห็น